ประวัติการก่อตั้งอำเภอบ้านแหลม
ชื่อของ บ้านแหลม เป็นชื่อเรียกตามสภาพภูมิประเทศที่เป็นแหลมยื่นลงไปในทะเล ซึ่งสันนิษฐานว่าเกิดจากตะกอนดินที่สะสมจากเปลือกหอยนานาชนิดทับถมกัน จนกลายเป็นแหลมยื่นออกไป บ้างก็ว่าเป็นลักษณะบ้านที่มียอดแหลม แบบทรงไทยอยู่มาก แต่เดิมนั้นท้องที่อำเภอบ้านแหลม มีฐานะในทางปกครองเป็นส่วนหนึ่งของแขวง ๒ แขวง คือ ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเพชรบุรีจะขึ้นอยู่กับ แขวงขุนชำนาญ ส่วนทางฝั่งตะวันตกขึ้นอยู่กับ แขวงหลวงพรหมสาร เรียกชื่อตามทินนามของผู้เป็นนายแขวงปกครองอยู่ขณะนั้น ซึ่งต่อมาได้รับการจัดตั้งเป็นอำเภอขึ้น เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๔๓
ใน รัชกาลที่ ๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ยุบรวมกับอำเภอเมืองเพชรบุรี เมื่อ ร.ศ.๑๒๐ พ.ศ. ๒๔๔๔ และต่อมากรมการอำเภอเมือง ได้แจ้งมณฑลเทศาภิบาลราชบุรี ว่าท้องที่อำเภอเมืองเมืองเพชรบุรีนั้น มีพื้นที่กว้างขวาง มีพลเมืองถึง ๖๐,๐๐๐ เศษ เหลือกำลังเกินที่กรมการอำเภอเมืองจะสามารถตรวจตรารักษาความสงบเรียบร้อยให้ ทั่วถึงได้ จึงได้ขอแยกอำเภอใหม่ ซึ่งพระยาอมรินทร์ฤๅไชย ข้าหลวงมณฑลเทศาภิบาลราชบุรี ได้มีใบบอกไปยังกระทรวงมหาดไทยเพื่อนำความกราบ บังคบทูล ต่อมาในรัชกาลที่ ๕ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามอำเภอใหม่ว่า "อำเภอบ้านแหลม" เมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๔๗ (ร.ศ.๑๒๓)
สมัยอดีตนั้น อำเภอบ้านแหลมเป็นเสมือนเมืองท่าของเมืองเพชรบุรีที่ใช้เป็น ที่ติดต่อค้าขายกับหัวเมืองอื่น ดังนั้นเมืองเพชรบุรี จึงเป็นเมืองท่าที่มีความรุ่งเรืองมาแต่ในอดีต จากการติดต่อซื้อขายกับต่างประเทศ โดยมีสินค้าหลักที่สำคัญก็น้ำตาลโตนดและเกลือสมุทร
แต่ความเป็นเมืองท่าเรือเล็กๆของสยามประเทศได้สิ้นสุดลง เมื่อได้มีสนธิสัญญาเบอร์นี่ ที่ได้บังคับให้สยามมีการติดต่อค้าขายผ่านทางท่าเรือคลองเตยในกรุงเทพฯเพียงแห่งเดียว ภายหลังสนธิสัญญาเบาว์ริ่ง ได้มีผลบังคับแทนสนธิสัญญาเบอร์นีและได้ยกเลิกในรัชกาลต่อมา แต่รัฐบาลได้หันไปพัฒนาท่าเรือน้ำลึกที่แหลมฉบังแทน หาได้มีการพัฒนาท่าเรือตามเมืองอย่างที่เคยมีมาแต่เดิม ประชาชนที่อยู่ในอำเภอบ้านแหลมในอดีตซึ่งมักจะมีฐานะค้าขาย ภายหลังจึงได้มีการอพยพย้ายถิ่นฐานเข้าไปทำมาหากินในกรุงเทพฯ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น